สำหรับบริษัท
งานยอดนิยมในยุคนี้ ควรหาแบบ WFH หรือ Hybrid ดี

งานยอดนิยมในยุคนี้ ควรหาแบบ WFH หรือ Hybrid ดี

25 มกราคม 2566

งานยอดนิยมในยุคนี้ ควรหาแบบ WFH หรือ Hybrid ดี

25 มกราคม 2566

       ในการหางาน หรือสมัครงานในปัจจุบันนี้ ทราบกันไหมว่า ลักษณะของการทำงานนั้นมีกี่แบบ และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ ที่ได้เกิดภาวะโควิด 19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และส่งผลให้กิจการส่วนใหญ่ ต้องเปลี่ยนมาทำแบบ Work From Home เพื่อป้องกันการสัมผัสกับเชื้อไวรัส ส่วนในปัจจุบันนี้ เชื้อไวรัสโควิด 19 เริ่มเบาบางลง หลายๆบริษัทจึงเริ่มเปลี่ยนให้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว แล้วคนหางานกรุงเทพ หรือจังหวัดต่างๆในปัจจุบัน ควรเลือกระบบการทำงานแบบไหนดี? และบริษัทควรหาคนทำงานในรูปแบบไหนดี วันนี้ เว็บสมัครงาน Jobmyway จึงอยากชวนทุกคนไปดูว่า งานแต่ละแบบต่างกันยังไง และงานแบบไหนเหมาะกับคุณ

รูปแบบของการทำงานมีอะไรบ้าง?


1.การทำงานที่ออฟฟิศ On-site Working
การทำงานที่ออฟฟิศ หรือเรียกอีกอย่างว่า On-site Working เป็นการทำงานในรูปแบบที่เก่าที่สุด และเชื่อว่าคนหางานหลายๆคนต้องมีประสบการณ์ในการทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว ไม่มากก็น้อย โดยพนักงาน จำเป็นที่จะต้องเดินทางเพื่อเข้าไปทำงานที่บริษัท มีเวลาตอกบัตรเข้างาน ออกงานที่ชัดเจน มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานที่ครบ และพร้อมเพรียง สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ง่ายกว่า เนื่องจากได้พบเจอกับคนทำงานจริง คุณจะสามารถพบการทำงานในลักษณะนี้ได้จากเว็บหางานทั่วไป

ข้อดีของการทำงานที่บริษัทมีดังนี้
-มีเวลาเข้า-ออกงานชัดเจน
-มีประกันสังคม
-สามารถติดต่อประสานงานได้ง่ายกว่า
-มีวันลาป่วย ลากิจ และวันหยุดตามประเพณี
-มีสิทธิได้รับค่าแรงล่วงเวลา (โอที)
-มีสิทธิได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
-มีสิทธิได้รับประกันสุขภาพที่บริษัทจัดหาให้
-ได้รับเงินเดือนที่มั่นคง และตรงเวลา
-สามารถทำธุรกรรม เช่าซื้อ หรือกู้เงินต่างๆได้ง่าย เนื่องจากเป็นงานที่มีเงินเดือนประจำ

ข้อเสียของการทำงานที่บริษัทมีดังนี้
-คนทำงานต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
-อาจไม่มีสมาธิในการทำงาน
-อาจเกิดความเครียดในการทำงานได้ง่าย
-ไม่มีเวลาให้กับตัวเองมากเพียงพอ
________________________________________


2.การทำงานแบบ Work From Home
ลักษณะการทำงานแบบ Work From Home คือการทำงานอยู่ที่บ้าน โดยอาจทำสัญญาจ้างแบบรายเดือน หรือเป็นสัญญาจ้างแบบประจำ โดยการทำงานในลักษณะนี้ อาจจะมีหรือไม่มีการจำกัดเวลาทำงานก็ได้ โดยบางบริษัทอาจเลือกใช้เวลาทำงาน รูปแบบเดียวกับการทำงานที่ออฟฟิศ มากำหนดช่วงเวลาในการทำงาน เช่น เข้างาน 10 โมง เลิกงาน 6 โมงเย็น มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 12.00 ถึง 13.00 น. หรือในบางบริษัทอาจไม่ได้กำหนดเวลาเข้าออกงานที่ชัดเจน เพียงแค่ต้องการให้คนทำงาน ทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

ข้อดีของการทำงานแบบ Work From Home
-สามารถทำงานได้ที่บ้าน
-ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
-ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
-มีเวลาให้กับตัวเอง และครอบครัวมากขึ้น
-สามารถหางานในกรุงเทพ หางานระยอง และจังหวัดต่างๆได้ เนื่องจากสามารถทำงานได้กับทุกสถานที่
-มีประกันสังคม
-สามารถทำธุรกรรม เช่าซื้อ หรือกู้เงินต่างๆได้ง่าย เนื่องจากเป็นงานที่มีเงินเดือนประจำ

ข้อเสียของการทำงานแบบ Work From Home
-หากไม่มีพื้นที่ทำงาน ก็อาจส่งผลเสียกับการทำงานได้
-หากไม่มีอุปกรณ์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาในการทำงานได้
-อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ และดูแลอุปกรณ์ในการทำงานด้วยตัวเอง
-อาจไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามเวลากำหนด เนื่องจากมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ
-อาจไม่สามารถรับสมัครงานอื่นเพิ่มเติมได้ เนื่องจากเป็นงานเต็มเวลา
-อาจไม่ไ่ด้รับการต่อสัญญาจากนายจ้าง
-อาจขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน
-อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน
________________________________________


3.การทำงานแบบ Freelance
การทำงานแบบฟรีแลนซ์ คือการทำงานที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดยที่คุณสามารถหางานเชียงใหม่
หรือหางานนนทบุรี และจังหวัดอื่นๆได้แบบไม่จำกัดบริษัท โดยหากคุณมีความสามารถมากเพียงพอ ก็อาจจะสามารถรับงานจากหลายๆบริษัท ในครั้งเดียวได้ ซึ่งนั่นแปลว่า คุณจะได้รับเงินเดือนที่มากขึ้น และสามารถแบ่งเวลาในการรับทำงานได้ตามที่ใจต้องการ เช่น ใน 1 เดือน อาจเปิดรับทำงาน 2 อาทิตย์ และใช้เวลาหยุดพักผ่อนอีก 2 อาทิตย์ เป็นต้น

ข้อดีของการทำงานแบบ Freelance
-สามารถเลือกเวลาทำงานเองได้
-มีอิสระในการทำงาน
-ทำงานจากที่ไหนก็ได้
-สามารถรับงานได้หลายชิ้นในครั้งเดียว
-ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
-ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
-สามารถเป็นเจ้านายตัวเองได้

ข้อเสียของการทำงานแบบ Freelance
-ต้องส่งประกันสังคมเอง
-อาจมีช่วงเวลาว่างงาน เนื่องจากไม่มีผู้จ้างงาน
-อาจเป็นงานที่ไม่มั่นคง เนื่องจากไม่ใช่งานประจำ
-หากไม่มีอุปกรณ์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาในการทำงานได้
-อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ และดูแลอุปกรณ์ในการทำงานด้วยตัวเอง
-อาจไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามเวลากำหนด เนื่องจากมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ
-ทำสินเชื่อ กู้เงินหรือเช่าซื้อสิ่งของต่างๆได้ยาก เนื่องจากไม่ใช่งานประจำ
-อาจต้องใช้เวลาในการรอเงินค่าจ้างนาน
-อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน
________________________________________


4.การทำงานแบบ Freelance ประจำ
รูปแบบของการทำงานแบบ Freelance ประจำ ก็จะมีความคล้ายคลึงกับการทำงาน Freelance ปกติเลยก็คือ สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่มีกำหนดเวลาในการทำงานที่ตายตัว สามารถรับทำงานได้หลายที่พร้อมๆกัน แต่ในการทำงานแบบนี้ จะมีการเซ็นสัญญาจ้างงานที่มีระยะเวลาที่กำหนด เช่น การจ้างงาน 6 เดือน ,การจ้างงาน 1 ปี เป็นต้น ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับคนทำงานได้มากขึ้น เนื่องจากสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินเดือนทุกๆเดือน ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันเอาไว้เเล้วนั่นเอง

ข้อดีของการทำงานแบบ Freelance ประจำ
-สามารถบริหาร จัดการเงินได้ดีกว่าการทำงานแบบ Freelance
-สามารถรับงานได้หลายชิ้นงานในครั้งเดียว
-มีอิสระในการทำงาน
-ทำงานจากที่ไหนก็ได้

ข้อเสียของการทำงานแบบ Freelance ประจำ
-ต้องส่งประกันสังคมเอง
-อาจต้องใช้เวลาในการรอเงินค่าจ้างนาน
-อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ และดูแลอุปกรณ์ในการทำงานด้วยตัวเอง
-อาจไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามเวลากำหนด เนื่องจากมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ
-หากไม่มีอุปกรณ์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาในการทำงานได้
-อาจขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน
-อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน
________________________________________


5.การทำงานแบบ Remote Working
การทำงานแบบ Remote Working จะมีความคล้ายคลึงกับการทำงานแบบ Work From Home ซึ่งการทำงานแบบรีโมทนั้นสามารถทำงานได้จากที่ไหนก็ได้ โดยอาจเป็นงานที่มีการเซ็นสัญญาจ้างแบบประจำ ซึ่งต้องมีเวลาเข้าออกงานชัดเจน โดยจะมีข้อแตกต่างตรงที่ อาจต้องมีการเข้าประชุม และวัดผลในการทำงานบ่อยกว่าการทำงาน Work From Home

ข้อดีของการทำงานแบบ Remote Working
-สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้
-มีความมั่นคง เนื่องจากเป็นงานที่มีสัญญาจ้าง
-ได้รับเงินเดือนที่มั่นคง ทำให้สามารถกู้เงินหรือทำธุรกรรมในการเช่าซื้อได้
-ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
-ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง

ข้อเสียของการทำงานแบบ Remote Working
-หากไม่มีอุปกรณ์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาในการทำงานได้
-อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ และดูแลอุปกรณ์ในการทำงานด้วยตัวเอง
-อาจขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน
-อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน
________________________________________


6.การทำงานแบบ Hybrid
การทำงานในลักษณะนี้ กำลังได้รับความนิยมจากบริษัทมากขึ้น เนื่องจากเป็นการรวบรวมการทำงานของทั้ง 2 รูปแบบเข้าไว้ด้วยกันเลยก็คือ การทำงานแบบ Remote Working และการทำงานแบบ On-site Working โดยทางบริษัทอาจมีการแบ่งวันเพื่อให้พนักงานเข้ามานั่งทำงาน หรือประชุมงานที่ออฟฟิศ 1-3 วันต่อสัปดาห์ และในวันที่เหลือ ก็ให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งการทำงานแบบไฮบริดนี้ จะช่วยให้คนทำงานมีความกระตือรือร้นในการทำงาน และยังคงมี Work Life Balance ให้กับชีวิตได้ดี

ข้อดีของการทำงานแบบ Hybrid
-มีเวลาเข้า-ออกงานชัดเจน
-มีประกันสังคม
-สามารถติดต่อประสานงานได้ง่ายกว่า
-มีวันลาป่วย ลากิจ และวันหยุดตามประเพณี
-มีสิทธิได้รับค่าแรงล่วงเวลา (โอที)
-มีสิทธิได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
-มีสิทธิได้รับประกันสุขภาพที่บริษัทจัดหาให้
-ได้รับเงินเดือนที่มั่นคง และตรงเวลา
-สามารถทำธุรกรรม เช่าซื้อ หรือกู้เงินต่างๆได้ง่าย เนื่องจากเป็นงานที่มีเงินเดือนประจำ
-มีเวลาพักผ่อน และได้ทำสิ่งที่ชอบ

ข้อเสียของการทำงานแบบ Hybrid
-ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
-ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ในการทำงาน
-คนที่ทำงานอยู่ไกลออฟฟิศ อาจมีปัญหา
-หากไม่มีอุปกรณ์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาในการทำงานได้
________________________________________
       จบลงไปแล้วกับบทความ งานยอดนิยมในยุคนี้ ควรหาแบบ WFH หรือ Hybrid ดี? หลายๆคนที่อ่านจนจบแล้ว ก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่า การทำงานแบบไหน เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด ในครั้งหน้าเราจะพาไปดูคอนเทนต์ดีๆอะไรอีก อย่าลืมติดตาม Jobmyway

TAGS : บทความผู้หางาน , jobmyway , เคล็ดลับทำงาน , work from home , WFH , สมัครงาน work from home , รับสมัครงาน work from home , หางานใกล้บ้าน , สมัครงานใกล้บ้าน , งานยอดนิยม , Hybrid , หางานใกล้บ้าน

บทความที่ได้รับความนิยม
งานที่น่าสนใจ